หากพูดถึงดิสก์เบรก คือระบบที่จะช่วยระบายความร้อนได้ดี ผ้าเบรกสามารถปรับตั้งเองได้ขึ้นอยู่กับความหนาของผ้าเบรก แถมยังทำให้ประสิทธิภาพของเบรกเท่ากันทุกล้ออีกด้วย นอกจากนี้ หลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่าผ้าเบรกคืออะไร? ผ้าเบรกเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบที่มีความสำคัญในระบบดิสก์เบรก ซึ่งก็จะทำงานร่วมกับจานเบรกนั่นเอง
ประเภทของจานเบรกที่นิยมใช้งานกันในปัจจุบันมีอยู่หลายประเภท ซึ่งก็จะแบ่งได้หลายรูปแบบ ซึ่งในบทความนี้เราจะพามาดู 4 ประเภทหลัก ๆ ของจานเบรกที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ดังนี้
จานเบรกแบบเรียบ (Smooth Brake Rotor) เป็นจานเบรกที่พบได้บ่อย ซึ่งเป็นจานเบรกที่เป็นชิ้นส่วนมาตรฐานจากโรงงานที่จะติดมากับรถยนต์ โดยจะมีจุดเด่นที่ผิวหน้าเรียบ ใช้งานได้อย่างยาวนาน เสียงเงียบ แถมยังทนต่อการเบรกได้ดีอีกด้วย แต่ก็จะต้องระมัดระวังในการใช้งาน เนื่องจากเป็นประเภทของจานเบรกที่ระบายความร้อนได้น้อยกว่าประเภทอื่น ๆ และมักจะมีฝุ่นจับตัวกันได้ง่าย
จานเบรกแบบเซาะร่อง (Slotted Brake Rotor) มักจะถูกใช้งานสำหรับรถยนต์ที่ต้องการสมรรถนะที่สูงขึ้น เช่น รถ SUV, รถบรรทุก และรถประเภท Off-Road โดยจะมีลักษณะของจานเบรกที่ถูกเซาะที่ผิวหน้าให้เป็นร่อง ซึ่งจานเบรกประเภทนี้จะช่วยระบายความร้อนได้ดี สามารถขจัดเขม่าดำที่เกิดจากความร้อนของผ้าเบรกได้เป็นอย่างดี แต่ผ้าเบรกจะหมดเร็ว เนื่องจากระยะเบรกที่สั้นกว่าประเภทอื่น
จานเบรกแบบเจาะรู (Drill Brake Rotor) มีลักษณะของจานเบรกที่เป็นรูที่ผิวหน้าของจาน ใช้กับรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูง เนื่องจากสามารถเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบเรียบ แถมยังมีการเสียดสีที่มากขึ้นอีกด้วย ข้อดีของจานเบรกประเภทนี้คือการหมุนเวียนอาการ การระบายความร้อน และขจัดฝุ่นได้ดี แต่ผู้ขับขี่ก็จะต้องระมัดระวังเกี่ยวกับรอยแตกร้าวบริเวณที่เจาะรูหากว่าผลิตมาจากวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน
จานเบรกแบบเจาะรู เซาะร่อง (Drill and Slotted Brake Rotor) เป็นจานเบรกที่มีคุณสมบัติที่ดีของแบบเจาะรูและแบบเซาะร่องเป็นจานเบรกที่มีประสิทธิภาพสูงในการเบรกในระยะสั้น สามารถระบายความร้อน ขจัดฝุ่นที่มาเกาะจาน และระบายน้ำในช่วงฝนตกได้ดี เหมาะกับการใช้งานสำหรับรถบรรทุก, รถ SUV, รถประเภท Off-Road รวมถึงรถแข่งด้วยเช่นกัน
การเจียรจานเบรก หรือการปรับสภาพผิวหน้าของจานเบรก เนื่องจากเมื่อมีการใช้งานไปเรื่อย ๆ แล้ว ผ้านการเบรก การชะลอ และการหยุดรถ ทำให้ผิวหน้าสัมผัสของจานเบรกรถยนต์เกิดความเสียหายจากผ้าเบรก หรือเกิดจากเศษของฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ดังนั้น การเจียรจานเบรกจึงถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยทำให้ผู้ขับขี่ทุกคนสามารถใช้งานจานเบรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในกรณีที่สังเกตได้ว่าจานเบรกเริ่มมีลักษณะเป็นร่อง รอยหลุมเล็ก ๆ หรือเป็นเส้นชัด ๆ คล้ายกับรอยขีดข่วน สามารถเจียรจานเบรกได้หากจานเบรกยังมีความหนาอยู่และยังไม่ต้องการเปลี่ยนจานเบรก แต่ก็จะมีเงื่อนไขที่ควรรู้ในการเจียรจานเบรกเล็กน้อย นั่นคือ กรณีที่ไม่สามารถเจียรได้ ดังนี้
จานเบรกมีความหนาน้อยกว่า 19 มิลลิเมตร
จานเบรกไหม้
ผิวหน้าของจานเบรกนั้นไม่สม่ำเสมอ มีความคดหรือเบี้ยว
โดยปกติแล้ว หากจานเบรกรถยนต์มีปัญหาหรือเกิดความเสียหายขึ้น สามารถสังเกตได้จากสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
เกิดเสียงแหลมหรือเสียงของการเสียดสีในขณะขับขี่
เกิดการสั่นของแป้นเบรกหรือพวงมาลัยระหว่างการเบรก
พบว่ามีร่องบนจานเบรก ซึ่งเป็นร่องรอยที่สามารถมองเห็นได้
ระยะการเบรกยาวขึ้น มีรอยหยัก บิดเบี้ยว หรือโค้งงอ
เชื่อว่ามีผู้ขับขี่จำนวนมากที่ยังไม่ทราบว่าจานเบรกเหลือกี่มิล ควรเปลี่ยน? โดยปกติแล้ว จานเบรกที่ควรเปลี่ยน คือจานเบรกที่ไม่สามารถเจียได้ นั่นคือ จานเบรกที่เหลือความหนาน้อยกว่า 19 มิลลิเมตร เพราะจะเป็นอันตรายต่อการขับขี่
จานเบรกรถยนต์นั้นเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อการขับขี่อย่างมาก ผู้ขับขี่ทุกคนควรให้ความสนใจและดูแลจานเบรก รวมถึงส่วนประกอบอื่น ๆ ของรถยนต์เป็นอย่างดีเพื่อความปลอดภัย และเชื่อว่าเมื่อทุกคนได้ทราบถึงจานเบรก คืออะไร? หน้าที่และคุณสมบัติโดดเด่นที่มีความสำคัญต่อการขับขี่ รวมถึงข้อมูลอื่น ๆ ของจานเบรก จะช่วยให้สามารถเลือกใช้จานเบรกได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยมากที่สุด
สำหรับใครที่ต้องการอุปกรณ์เสริมรถยนต์ที่มีคุณภาพดี เลือกซื้อได้ที่ NVYangyont ร้านขายยางรถยนต์ ล้อแม็ก สปริงโหลด โช๊คสตรัท รวมถึงสินค้าสำหรับรถยนต์อื่น ๆ เพื่อให้เป็นการขับขี่ที่ปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขาเปิดให้บริการ ลูกค้าทุกคนสามารถเข้ารับบริการในสาขาใกล้บ้านได้เลย!