แบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี? แบตเตอรี่รถยนต์กี่ปี ควรเปลี่ยน? ล้วนเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนควรรู้ เนื่องจากแบตเตอรี่ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญไม่น้อยไปกว่ายางรถยนต์ และอะไหล่รถยนต์อื่น ๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง ซึ่งหากแบตเตอรี่รถเสื่อม อาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้คุณเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายโดยไม่ทันตั้งตัว จึงไม่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเช็กแบตเตอรี่ตามระยะเวลาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก
โดยในบทความนี้ เราจะพามาทำดูว่าแบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี? พร้อมข้อมูลอื่น ๆ ที่ควรรู้ ทั้งวิธีเช็กแบตเตอรี่เสื่อม วิธีเปลี่ยนแบตรถด้วยตัวเองง่าย ๆ และวิธีการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อยืดอายุการใช้งาน เชื่อว่าหากได้อ่านบทความนี้แล้ว ผู้ขับขี่ทุกคนจะสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
แบตรถยนต์อยู่ได้กี่ปี? โดยปกติแบตเตอรี่รถยนต์จะสามารถใช้งานได้ประมาณ 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้ประเภทของแบตเตอรี่ รวมถึงสาเหตุอื่น ๆ เช่น คุณภาพของไดชาร์จ หรือระบบชาร์จไฟ, สภาพอากาศและอุณหภูมิระหว่างขับขี่, พฤติกรรมและความถี่ของการใช้งานรถยนต์ และการดูแลรักษา ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่และตรวจสอบระดับน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ
แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมจะรู้ได้อย่างไร? การตรวจเช็กแบตรถยนต์สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยการสตาร์ทรถแล้วดูว่ารถสตาร์ทติดยากหรือไม่? หรือมีเสียงเครื่องยนต์ลากยาวกว่าปกติ? เพราะหากแบตรถยนต์เสื่อมสภาพจะไม่สามารถเก็บประจุไฟและจ่ายไปได้เหมือนปกติ นอกจากนี้ ยังสามารถสังเกตได้จากการทำงานของระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟฟ้ารถยนต์ ระบบแอร์ หรือเสียงของแตร หากพบว่ามีการทำงานผิดปกติ ไฟฟ้าเปิด ๆ ปิด แสงสว่างน้อยกว่าปกติ หรือเสียงของแตรดังไม่ต่อเนื่อง ไปจนถึงบีบแตรแล้วไม่ดัง ก็ล้วนเป็นสัญญาณเตือนจากแบตรถเสื่อมสภาพได้ทั้งสิ้น
เมื่อสังเกตอาการหรือสัญญาณเตือนต่าง ๆ ข้างต้นแล้วพบว่าแบตรถกำลังเสื่อม! ควรจะศึกษาข้อมูลสำหรับการเปลี่ยนแบตรถ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ราคาเท่าไหร่? เพื่อเปรียบเทียบราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสมมากที่สุด ซึ่งบอกได้เลยว่า ปัญหาเกี่ยวกับแบตรถเสื่อมไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยมากที่สุดนั่นเอง
สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเอง ใช้เวลาในการเปลี่ยนไม่นาน หากรู้ถึงการเปลี่ยนแบตอย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งก่อนที่จะเปลี่ยนแบตรถด้วยตัวเองจะต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ได้แก่ แบตเตอรี่ใหม่, ประแจไข หรือกล่องเครื่องมืออุปกรณ์ช่าง, ถุงมือยาง, ผ้าสะอาด และน้ำอุ่นสะอาดและแปรงสีฟันเก่า เมื่อเตรียมของพร้อมแล้ว เราจะมาแนะนำวิธีเปลี่ยนแบตตัวเองแบบใช้เวลาไม่นาน!
เริ่มจากการจอดรถให้นิ่งสนิท โดยจะต้องเข้าเกียร์และดึงเบรกมือล็อกล้อไว้ให้เรียบร้อย จากนั้นให้เปิดฝากระโปรงหน้า และอย่าลืมสวมถุงมือยางให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัย สำหรับการเปลี่ยนแบต ให้เริ่มจากการถอดน็อตที่ขั้วบวกและขั้วลบของแบตเตอรี่ตามลำดับ แล้วค่อย ๆ นำแบตเตอรี่เก่าออกจากช่องอย่างระมัดระวัง
เมื่อนำแบตเตอรี่เก่าออกแล้ว ให้นำแบตเตอรี่ใหม่ที่มีคุณภาพใส่เข้าไปแทนที่ ซึ่งก่อนที่จะใส่เข้าไปควรใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาด และจะต้องตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย และการใส่ขั้วแบตเตอรี่ให้เริ่มจากการใส่ขั้วบวกก่อนแล้วค่อยใส่ขั้วลบ จากนั้นให้ใช้ประแจขันน็อตให้แน่น เมื่อทำขั้นตอนดังกล่าวเสร็จแล้วให้ทำความสะอาดขั้วแบตด้วยน้ำอุ่นและใช้แปรงสีฟ้าเก่า ขัดคราบขี้เกลือให้สะอาด เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถเปลี่ยนแบตได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยแล้ว
น้ำกลั่น คือส่วนประกอบสำคัญ เนื่องจากเป็นตัวนำไฟฟ้าที่จะช่วยให้แบตสามารถทำงานได้ตามปกติ ผู้ขับขี่จึงต้องตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในระดับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้น้ำกลั่นแห้ง และทำให้แบตเตอรี่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
การทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่เป็นประจำ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ เนื่องจากขั้วแบตเตอรี่ที่สกปรกและมีขี้เกลือเกาะ จะทำให้การนำไฟฟ้าแย่ลง และมีผลต่อการจ่ายไฟของแบตได้ ซึ่งส่งผลทำให้รถสตาร์ทไม่ติด และนำไปสู่ปัญหาแบตเตอรี่เสื่อม ซึ่งสามารถทำความสะอาดง่าย ๆ โดยการใช้แปรงสีฟันจุ่มโซดาแล้วนำมาขัดที่ขั้วแบตเตอรี่จนสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกไปจนหมด
การจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่ได้นำไปขับขี่ มีผลเสียโดยตรงต่อแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งในแรกเริ่มของการจอดรถทิ้งไว้นานๆ จะทำให้รถสตาร์ทติดยาก หรือสตาร์ทไม่ติด และจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพก่อนเวลาที่ควรได้ เพราะแบตเตอรี่จะคายประจุไฟฟ้าตลอดเวลา ซึ่งในช่วงที่รถไม่ได้มีการขับขี่หรือชาร์จไฟกลับเข้าไป จะทำให้ประจุไฟฟ้าภายในเริ่มอ่อนและหมดลง นั่นคือสาเหตุที่ทำให้แบตรถเสื่อม และไม่สามารถใช้งานได้ ต้องเปลี่ยนแบตใหม่เท่านั้น จึงควรนำรถไปขับอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานรถนาน ๆ หรือไม่ได้นำไปขับบ่อย ๆ แต่ก็จะต้องใช้เครื่องชาร์จในการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อเติมประจุไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพราะการชาร์จแบตรถให้มีประจุไฟฟ้าเต็มจะช่วยทำให้แบตรถมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น
เมื่อได้รู้แล้วว่าแบตเตอรี่รถยนต์ใช้ได้กี่ปี? เชื่อว่าผู้ขับขี่ทุกคนจะสามารถใช้งานแบตรถได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด เนื่องจากการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในระยะเวลาที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ไม่ทำให้คุณเสียเวลากับการเปลี่ยนแบตระหว่างการเดินทาง หรือหัวหมุนกับการหาร้านเปลี่ยนแบตเตอรี่ใกล้ฉัน! โดยเฉพาะในการเดินทางผ่านเส้นทางหรือพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย หรือห่างไกลผู้คน
นอกจากแบตเตอรี่รถยนต์แล้ว ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบอะไหล่รถยนต์ต่าง ๆ ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะยางรถยนต์ แต่หากต้องการยางรถยนต์คุณภาพดี ราคาเข้าถึงได้ สามารถเลือกซื้อได้ที่ ‘NV Yangyont’ ร้านขายยางที่มีทั้งการจำหน่ายยางรถยนต์ ล้อแม็ก โช๊คสตรัท สปริงโหลด และชิ้นส่วนอื่น ๆ พร้อมคำแนะนำจากช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างครบวงจร