ผ้าเบรกมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี เบรกไม่สั่น ไม่หอน ใช้งานได้ดี

ผ้าเบรกมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี เบรกไม่สั่น ไม่หอน ใช้งานได้ดี

ระบบเบรกเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัย ซึ่งผู้ใช้รถใช้ถนนควรจะรู้ว่าผ้าเบรกมีกี่แบบ? เพื่อการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม ซึ่งในบทความนี้จะมาทุกคนไปทำความรู้จักกับผ้าเบรกรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนเบรกรถยนต์ พร้อมวิธีการตรวจเช็กผ้าเบรกรถยนต์ว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแล้วหรือยัง? เพราะความปลอดภัยในการขับขี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ การตรวจเช็กเบรกรถยนต์ตามระยะเวลาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก

ผ้าเบรกมีกี่แบบ แต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

ผ้าเบรก คือ อุปกรณ์หรือชิ้นส่วนสำคัญในระบบเบรกของรถยนต์ โดยจะทำหน้าที่ในการสร้างแรงเสียดทานเพื่อห้ามล้อเมื่อชะลอความเร็วหรือหยุดรถ  ผ้าเบรกรถยนต์ ผ้าเบรกรถเก๋งมีอยู่หลายรูปแบบที่ใช้งานกันโดยทั่วไปในปัจจุบัน โดยในบทความนี้จะพามาทำความรู้จัก 3 รูปแบบหลัก ๆ ของผ้าเบรกที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่


ผ้าเบรกออร์แกนิก

ผ้าเบรกออร์แกนิก เป็นผ้าเบรกที่ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความปลอดภัย เนื่องจากผ้าเบรกแบบเดิมทำมาจากแร่ใยหิน ซึ่งมีสารก่อมะเร็ง โดยที่ผ้าเบรกออร์แกนิกนั้นมีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สามารถสร้างแรงเสียดทานในระดับปานกลางโดยที่ไม่ก่อให้เกิดความร้อนสูงและไม่สร้างแรงกดบนจานเบรกมากเกินไป เหมาะกับผู้ที่ใช้รถเป็นประจำทุกวัน แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าผ้าเบรกประเภทอื่น ๆ เพราะมีระดับการบีบอัดที่สูงกว่านั่นเอง

ผ้าเบรกเซรามิก

ผ้าเบรกเซรามิก เป็นผ้าเบรกที่ทำมาจากวัสดุที่คล้ายกับประเภทของเซรามิกที่ถูกนำมาใช้เครื่องปั้นดินเผาและจานชามต่าง ๆ ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความหนาแน่นและทนทานสูง เพราะมีเส้นใยทองแดงละเอียดฝังอยู่ข้างใน เพื่อช่วยเพิ่มแรงเสียดทานและการนำความร้อน ผ้าเบรกเซรามิกมีข้อดีมากมาย เช่น เสียงรวบกวนน้อย สร้างฝุ่นน้อยกว่า ทนทานอุรหภูมิได้สูงสำหรับการใช้งานหนัก แต่มีราคาแพงที่สุดในผ้าเบรกทุกรูปแบบ เพราะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า

ผ้าเบรกกึ่งโลหะ

ผ้าเบรกกึ่งโลหะ เป็นการใช้สร้างเติมแต่งเพื่อสร้างส่วนผสมของผ้าเบรกแทนการใช้โลหะแบบ 100% ซึ่งปกติแล้วจะมีโลหะอยู่ระหว่าง 30-70% และจะมีทองแดง เหล็ก โลหะอื่น ๆ รวมถึงสารเติมแต่งผสมอยู่ด้วย เรียกได้ว่าเป็นผ้าเบรกที่มีประสิทธิภาพสูง ทนต่ออุณหภูมิและสภาพวะรุนแรงได้ดี โดยที่ผ้าเบรกดังกล่าวจะเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันและยังเหมาะกับการแข่งรถ หรือผู้ที่ต้องการสมรรถนะในการขับขี่สูงด้วยเช่นกัน

ผ้าเบรกควรเปลี่ยนตอนไหน? เหมาะสมที่สุด

การเปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์ เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนจะต้องให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะโดยปกติแล้ว ผ้าเบรกรถยนต์ควรจะต้องมีการเปลี่ยนตามระยะเวลาที่เหมาะสม หากมีการใช้งานเกินกว่าที่กำหนดไว้ อาจจะทำผ้าเบรกรถยนต์เสื่อมสภาพหรือสึกหรอ และมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายในการขับขี่ได้อีกด้วย เพื่อความปลอดภัยมากที่สุด ควรจะนำรถยนต์เข้าศูนย์ เพื่อตรวจสภาพของผ้าเบรกทุก 4,000 กิโลเมตร 


วิธีเช็กผ้าเบรกรถยนต์ เพื่อให้การใช้งานของรถมีประสิทธิภาพมากที่สุด จะต้องสังเกตที่ความหนาของผ้าเบรก โดยปกติแล้วผ้าเบรกจะมีความหนาประมาณ 10 มิลลิเมตร และจะมีอายุการใช้งานประมาณ 40,000-60,000 กิโลเมตร เมื่อมีการใช้งานไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ผ้าเบรกสึกหรอและมีความหนาลดลง จึงทำให้อายุการใช้งานน้อยลงกว่าที่ตั้งไว้ ดังนั้น หากพบว่าผ้าเบรกรถยนต์นั้นมีความหนาเหลือเพียง 4-5 มิลลิเมตร ผู้ขับขี่ควรจะเปลี่ยนผ้าเบรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อจานเบรกตามมา


นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณเตือนต่าง ๆ ได้แก่ การเหยียบเบรกทำได้ยากขึ้นกว่าปกติ ต้องเหยียบให้ลึกขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการดึงเบรกมือที่ทำได้ยากขึ้นหรือต้องดึงให้สูงขึ้นมากกว่าปกติ หรือได้ยินเสียงดังที่ผิดปกติในขณะเหยียบเบรก และมีไฟเตือนเบรกมือเป็นสีแดงค้างที่บริเวณตัวเรือนไมล์อยู่อย่างนั้น สัญญาณเตือนต่าง ๆ เหล่านี้บ่งบอกว่าคุณควรจะเปลี่ยนผ้าเบรกได้แล้ว


ผ้าเบรกราคาเท่าไหร่?

หนึ่งในคำถามที่สามารถพบบ่อยอย่างมากสำหรับการเปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์ นั่นคือ เปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์ราคาเท่าไหร่? ซึ่งต้องบอกเลยว่าราคาของผ้าเบรกนั้นมีอยู่หลายราคา ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น 

  • ประเภทของรถยนต์ รุ่น ยี่ห้อ และปีที่ผลิต

  • ยี่ห้อและคุณภาพของผ้าเบรกที่จะนำมาเปลี่ยน ซึ่งจะมีทั้งยี่ห้อทั่วไป ยี่ห้อที่เน้นทางด้านคุณภาพและสมรรถนะสูง และผ้าเบรกแท้จากศูนย์บริการ

  • วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตผ้าเบรก

  • ตำแหน่งของผ้าเบรก เนื่องจากผ้าเบรกหน้าจะมีราคาสูงกว่าผ้าเบรกหลังรถยนต์ 

  • ขึ้นอยู่กับอู่หรือศูนย์ซ่อมที่เข้ารับบริการ เพราะในแต่ละร้าน แต่ละอู่ซ่อมก็จะมีการตั้งราคาของผ้าเบรก รวมถึงค่าแรงช่างที่แตกต่างกันนั่นเอง

ผ้าเบรกหน้ากับผ้าเบรกหลังรถยนต์ต่างกันหรือไม่?

ผ้าเบรกหน้ารถยนต์กับผ้าเบรกหลังมีหน้าที่แตกต่างกัน นั่นคือ ผ้าเบรกหน้าจะต้องการแรงเบรกมากกว่า เพราะเวลาที่เบรกรถ น้ำหนักทั้งหมดของตัวรถจะถ่ายเทไปที่ล้อหน้าเยอะกว่า จึงทำให้ผ้าเบรกหน้ารถยนต์สึกเร็วกว่า ส่วนผ้าเบรกหลังจะช่วยส่งเสริมการเบรกให้มั่นใจ แถมยังมีหน้าที่ในการช่วยรักษาสมดุลของรถยนต์อีกด้วย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการเปลี่ยนผ้าเบรกหน้าจึงมีราคาที่สูงกว่าผ้าเบรกหลังรถยนต์

บทสรุป

ผ้าเบรกรถยนต์เป็นส่วนประกอบที่สำคัญและจะต้องเปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนดไว้หรือระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์และความปลอดภัยในการขับขี่ เมื่อได้ทราบแล้วว่าผ้าเบรกมีกี่แบบ? ผ้าเบรกหมดดูยังไง? ผ้าเบรกควรเปลี่ยนเมื่อไหร่? รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ้าเบรก และหากต้องการเปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์ก็สามารถค้นหาง่าย ๆ ด้วย ‘ร้านเปลี่ยนผ้าเบรกรถยนต์ ใกล้ฉัน’ หรือเข้ารับการตรวจเช็กและเปลี่ยนผ้าเบรกที่ร้านรถยนต์ที่มีทั้งช่างผู้เชี่ยวชาญและทีมงานที่มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์อย่างครบวงจร


NVYangyont เป็นร้านขายยางที่มียางรถยนต์และอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ของรถยนต์คุณภาพดีและได้มาตรฐาน ลูกค้าทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างใส่ใจโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญและทีมงานที่มีความรู้ ความสามารถ และคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับรถยนต์อย่างครบวงจร สามารถติดต่อได้ทางเว็บไซต์โดยตรง หรือติดต่อที่เบอร์ 084-711-1458