ขับรถหน้าฝน เลี่ยงได้เลี่ยง! แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จะมีวิธีขับรถหน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย? โดยเฉพาะมือใหม่ ขับรถตอนฝนตก ซึ่งอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ในการขับรถหน้าฝนมากนัก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการขับรถในช่วงหน้าฝนจะส่งผลกระทบต่อระบบช่วงล่าง รวมถึงความปลอดภัยในการขับขี่ หากไม่มีการเตรียมตัวและขับขี่อย่างระมัดระวัง อาจส่งผลให้การเดินทางกลายเป็นอันตรายได้!
โดยในบทความ เราได้รวบรวม 7 เทคนิคขับรถหน้าฝนที่ควรจำให้ขึ้นใจ รวมถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับอันตรายจากการขับรถหน้าฝน เพื่อที่คุณจะสามารถขับขี่รถยนต์ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจได้ทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมือง หรือเป็นการเดินทางไกลนอกเมืองก็ตาม
ช่วงหน้าฝนถือเป็นฤดูที่ท้าทายสำหรับผู้ขับขี่บนท้องถนน และเชื่อว่าหลายคนคุ้นเคยกับคำพูดที่บอกว่า ‘เวลาฝนตกอย่าขับรถ’ เนื่องจากการขับขี่ในช่วงฝนตกถนนลื่นมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยไม่คาดคิดได้ตลอดเวลา เนื่องจากพื้นถนนจะมีความลื่น ทัศนวิสัยแย่ และอาจเกิดภาวะน้ำลอยตัวเมื่อมีการขับขี่ผ่านบริเวณที่มีน้ำขัง ทำให้การควบคุมรถทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากการเกิดน้ำท่วม ซึ่งจะส่งผลทำให้เครื่องยนต์ดับระหว่างทางหรือเกิดความเสียหายได้
ขับรถหน้าฝนอย่างไรให้ปลอดภัย? เชื่อว่าผู้ขับขี่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าการขับขี่รถยนต์จะต้องมีความระมัดระวังและมีสติอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนก็จะต้องระมัดระวังเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งในวันนี้เราได้รวบรวม 7 ข้อปฏิบัติง่าย ๆ ในการขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย ดังนี้
การขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วในช่วงหน้าฝน เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างมาก โดยปกติแล้วควรจะรักษาความเร็วในการขับขี่อยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่สามารถควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถลขณะขับรถหน้าฝน
การเบรกรถกะทันหัน มีความเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อการขับขี่ในทุกสภาพถนนอยู่แล้ว ยิ่งเป็นช่วงที่มีฝนหนัก ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ฝนตกหนักหรือไม่ก็ตาม เพราะอาจเกิดการลื่นไถลของรถ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
การขับรถในช่วงหน้าฝน แน่นอนว่าบนพื้นถนนจะมีน้ำฝนมากน้อยขึ้นอยู่กับว่าฝนตกหนักมากแค่ไหน ซึ่งน้ำฝนที่ตกลงมากระทบกับพื้นถนนจะไปชะล้างคราบดินโคลน หรือคราบน้ำบนบนท้องถนน จึงส่งผลทำให้ถนนลื่น จึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติประมาณ 2 เท่าเพื่อความปลอดภัย
ในระหว่างการขับขี่รถยนต์ไม่ควรเปิดไฟหน้าสูง เนื่องจากจะทำให้แสงไฟแยงตาผู้ขับขี่รถยนต์ที่ขับสวนทางมา ซึ่งจะทำให้สายตาพร่ามัว เมื่อเกิดขึ้นพร้อมการขับขี่หน้าฝนที่มีทัศนวิสัยต่ำลง จะทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้
การเปิดที่ปัดน้ำฝนสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี ได้แก่ หากเป็นช่วงที่ฝนตกปรอย ๆ หรือตกไม่หนักมาก สามารถใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือสองครั้งได้ตามเหมาะสม แต่หากเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก ควรเปิดใช้ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติตลอดเวลา เพื่อเป็นการเพิ่มทัศนวิสัยที่ดีในการมองเส้นทาง
ฝ้าที่กระจกก็มีส่วนทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลงได้เช่นกัน จึงควรหาวิธีป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจก ซึ่งสามารถทำได้โดยการลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศถ่ายเทและฝ้าจางลง และอีกหนึ่งวิธีคือการปรับอุณหภูมิแอร์ภายในรถ หรือปรับทิศทางแอร์ไม่ให้หันไปทางกระจกรถยนต์
หากรู้สึกว่าน้ำฝนที่อยู่บนถนนมีจำนวนมาก หรือมีน้ำท่วมขังบนถนน จะต้องพิจารณาและประเมินระดับความลึกของน้ำว่าจะสามารถขับผ่านไปได้หรือไม่? โดยสามารถสังเกตได้จากรถคันหน้าหรือขอบฟุตบาทข้างทาง
การเตรียมความพร้อมของรถยนต์หรือยานพานะต่าง ๆ มีความสำคัญอย่างมาก ในทุกพื้นสภาพถนน และแม้ว่าฝนจะตกหรือไม่ก็ตาม ผู้ขับขี่ทุกคนควรตรวจเช็กความพร้อมของรถยนต์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ และอุปกรณ์ อะไหล่รถยนต์ ส่วนประกอบทุกอย่างของรถยนต์ เช่น ยางรถยนต์ รวมถึงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง การตรวจเช็กแบตเตอรี่รถยนต์ เป็นต้น
การขับขี่รถยนต์ในช่วงหน้าฝนมีความเสี่ยงอยู่เสมอ แม้จะเพียงแค่ 1% แต่ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะการขับรถฝนตกกลางคืน เพราะทัศนวิสัยจะแย่ลงไปอีก ดังนั้น หากต้องการความปลอดภัยช่วงหน้าฝนสำหรับการขับขี่ในทุกการเดินทาง ทั้ง 7 เทคนิคขับรถหน้าฝน และสิ่งที่ควรระมัดระวังที่เราได้รวบรวมมาไว้ในบทความนี้ จะเป็นตัวช่วยในการเดินทางให้กับทุกคน!
สำหรับใครที่ต้องการเปลี่ยนยางรถยนต์ หรืออะไหล่รถยนต์อื่น ๆ ที่มีคุณภาพสูงและได้มาตรฐาน สามารถเลือกซื้อได้ที่ ‘NV Yangyont’ ร้านขายยางที่มีบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับรถยนต์อย่างครบวงจร และมีการจำหน่ายยางรถยนต์ ล้อแม็ก และอุปกรณ์สำหรับรถยนต์ที่จะช่วยให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น